เมล็ดแฟลกซ์ ลดคอเลสเตอรอลก็ดี ต้านมะเร็งก็เริด
เมล็ดแฟลกซ์ ธัญพืชตัวนิด ผลผลิตจากต้นลินิน ของดีสรรพคุณล้ำค่า ทั้งป้องกันโรคหัวใจ ช่วยลดคอเลสเตอรอลตัวร้าย และควบคุมน้ำหนักได้ดีเยี่ยม
ในขณะที่กระแสการรักสุขภาพยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง เราก็อาจจะได้ยินชื่อของธัญพืชที่เราไม่ค่อยจะคุ้นเคยเสียเท่าไรหนาหูขึ้นเนื่องด้วยสรรพคุณและคุณค่าทางโภชนาการที่สูงลิบทำให้ธัญพืชเหล่านั้นกลายเป็นที่นิยมกันมากขึ้น อย่างที่เห็นได้ชัดก็น่าจะเป็นเมล็ดเจียนี่ล่ะค่ะ แต่ยังมีธัญพืชอีกชนิดที่สรรพคุณโดดเด่นไม่แพ้กับธัญพืชชนิดอื่น ๆ นั่นก็คือ เมล็ดแฟลกซ์ อีกหนึ่งเมล็ดพืชที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งคนรักสุขภาพไม่ควรมองข้ามเป็นอย่างยิ่งเลยล่ะ แต่ว่าเจ้าเมล็ดแฟลกซ์ สรรพคุณจะเป็นอย่างไร ดีกับร่างกายของเรามากขนาดไหน ใครบ้างที่รับประทานได้ และมีผลข้างเคียงหรือไม่ เราไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันเลยค่ะ
เมล็ดแฟลกซ์ คืออะไร ?
เมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed) หรือเมล็ดจากต้นลินิน (Linseed) มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Linum usitatissimum L. เป็นเมล็ดพืชที่ถูกนำมาใช้ตั้งแต่สมัยโบราณ โดยมีการค้นพบว่าเจ้าเมล็ดพืชชนิดนี้ มีมาตั้งแต่สมัยกรุงบาบิโลนเมื่อ 3,000 ปีก่อนคริสตกาล และในศตวรรษที่ 8 ก็มีความเชื่อว่าเมล็ดแฟลกซ์นั้นมีประโยชน์ต่อสุขภาพ จึงเป็นที่นิยมปลูกเพื่อนำมาบริโภคอย่างแพร่หลายนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เมล็ดแฟลกซ์มีลักษณะคล้ายเมล็ดงาแต่มีขนาดใหญ่กว่า ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วคนมักจะนิยมนำเมล็ดแฟลกซ์มาบดก่อนจะนำมารับประทาน เพราะจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารที่อยู่ในเมล็ดได้ดีกว่าการรับประทานเป็นแบบเมล็ด หรือจะรับประทานเป็นแบบน้ำมันสกัด แต่ในน้ำมันสกัดอาจมีคุณค่าทางสารอาหารไม่เท่าแบบบด อย่างสารลิกแนนที่พบในเมล็ดแฟลกซ์แบบบด พอมาอยู่ในรูปน้ำมันสกัดจากเมล็ดแฟลกซ์ กลับพบว่าไม่มีสารลิกแนนอยู่ในน้ำมันสกัดนะคะ
เมล็ดแฟลกซ์ แฟลกซ์ซีด ลดคอเลสเตอรอล
เมล็ดแฟลกซ์ สรรพคุณทรงคุณค่า ประโยชน์ดีที่คู่ควร
จากการศึกษาพบว่าเมล็ดแฟลกซ์นั้นมีคุณค่าทางโภชนาการสูง ไม่ว่าจะเป็นกรดไขมันโอเมก้า 3 สารลิกแนน ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม แถมยังมีไฟเบอร์สูง จึงทำให้เจ้าเมล็ดแฟลกซ์นี้มีสรรพคุณที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเมล็ดแฟลกซ์ 100 กรัม มีคุณค่าทางโภชนาการดังนี้
พลังงาน 534 กิโลแคลอรี
โปรตีน 18.26 กรัม
ไขมัน 42.16 กรัม
คาร์โบไฮเดรต 28.88 กรัม
ไฟเบอร์ 27.3 กรัม
แคลเซียม 255 มิลลิกรัม
ธาตุเหล็ก 5.73 มิลลิกรัม
แมกนีเซียม 392 มิลลิกรัม
ฟอสฟอรัส 642 มิลลิกรัม
โพแทสเซียม 813 มิลลิกรัม
โฟเลต 87 ไมโครกรัม
วิตามินเค 4.3 มิลลิกรัม
ไขมันไม่อิ่มตัวพันธะคู่ (โอเมก้า 3, 6) 28.73 กรัม
นอกจากนี้สรรพคุณของเมล็ดแฟลกซ์ก็ยังโดดเด่นอีกหลายด้าน ทั้งช่วยบำรุงหัวใจ ลดน้ำหนัก หรือแม้แต่ป้องกันการเกิดโรคมะเร็งอีกหลายชนิด อีกทั้งยังสามารถช่วยควบคุมน้ำหนัก และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย ทั้งนี้เมล็ดแฟลกซ์ยังมีสรรพคุณอีกมากมายดังต่อไปนี้ค่ะ
1. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
มีการศึกษาพบว่าเมล็ดแฟลกซ์สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีได้ โดยการศึกษาแสดงให้เห็นว่า การเติมเมล็ดแฟลกซ์ลงในอาหารนั้น สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลและระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดลงได้ เนื่องจากในเมล็ดแฟลกซ์มีไฟเบอร์ชนิดที่ละลายน้ำได้ ซึ่งเจ้าไฟเบอร์ชนิดนี้จะไปช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเลือดนั่นเอง
2. ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ
อาหารที่มีส่วนประกอบของผลไม้ ผัก ธัญพืช ถั่วเปลือกแข็ง และพืชตระกูลถั่ว รวมทั้งอาหารที่มีกรดอัลฟาไลโปอิก (Alpha Lipoic Acid) สามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ที่ไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับโรคหัวใจ หรือผู้ที่มีโรคหัวใจอยู่แล้วก็สามารถช่วยบรรเทาให้อาการอยู่ในระดับที่ดีได้ ซึ่งในเมล็ดแฟลกซ์นั้นต่างก็มีทั้งไฟเบอร์ที่ดีต่อหัวใจและกรดอัลฟาไลโปอิก รวมทั้งไขมันโอเมก้า 3 ซึ่งมีการวิจัยพบอีกด้วยว่าการรับประทานอาหารที่มีไขมันโอเมก้า 3 จะช่วยให้ความดันโลหิตในร่างกายของผู้ที่มีโรคความดันโลหิตลดลงได้อีกด้วย
3. ป้องกันโรคมะเร็ง
สารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดแฟลกซ์ ถือเป็นอาวุธที่ล้ำค่าในการป้องกันโรคมะเร็งเลยเชียวล่ะ เนื่องจากสารนี้จะเข้าไปป้องกันการถูกทำลายของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย ไม่ให้เซลล์เหล่านั้นมีความเสี่ยงเป็นเซลล์มะเร็ง โดยมีการค้นพบว่าเจ้าสารต้านอนุมูลอิสระในเมล็ดแฟลกซ์สามารถลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก และโรคมะเร็งลำไส้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
แต่ทั้งนี้ก็ควรระมัดระวังในการใช้ เพราะหากผู้หญิงรับประทานมากเกินไปก็อาจจะทำให้เกิดความเสี่ยงโรคมะเร็งเต้านมได้เช่นกัน เนื่องจากการได้รับสารไฟโตเอสโตรเจนที่มีคุณสมบัติเช่นเดียวกับฮอร์โมนเอสโตรเจนในปริมาณที่มากเกินไป อาจจะทำให้เกิดการทำงานที่ผิดปกติของระบบฮอร์โมนและกลายเป็นโรคมะเร็งเต้านมในที่สุดค่ะ
4. ป้องกันโรควัยทอง
ข่าวดีสำหรับหญิงในวัยหมดประจำเดือนเลยล่ะค่ะ เพราะเจ้าเมล็ดแฟลกซ์นี้มีการศึกษาเล็ก ๆ ชิ้นหนึ่งพบว่า การรับประทานเมล็ดแฟลกซ์ สามารถทดแทนการรับประทานฮอร์โมนทดแทนในสตรีวัยหมดประจำเดือนได้ โดยการศึกษาแสดงให้เห็นว่าเมล็ดแฟลกซ์เพียง 40 กรัม มีคุณสมบัติเทียบเท่ากับยาฮอร์โมนที่ใช้ในการบรรเทาอาการร้อนวูบวาบ อารมณ์แปรปรวน และช่องคลอดแห้งในสตรีวัยทองได้ แต่ถึงอย่างนั้นเองก็ยังมีการศึกษาอื่นออกมาแย้งว่า เมล็ดแฟลกซ์ไม่สามารถรักษาอาการโรควัยทองได้ และไม่สามารถป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกได้
5. อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
การรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระไม่เพียงพอก็อาจจะทำให้ร่างกายเกิดภาวะความผิดปกติได้ โดยอาจจะทำให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้ง่ายขึ้น รวมทั้งยังอาจจะทำให้เกิดภาวะดื้ออินซูลิน รวมทั้งเกิดความเสี่ยงโรคเบาหวานชนิดที่ 2 โรคหอบหืด โรคอ้วน และปัญหาเรื่องการเผาผลาญได้มากขึ้น ซึ่งมีการศึกษาพบว่า การรับประทานเมล็ดแฟลกซ์จะช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาเหล่านี้ได้ และช่วยให้สารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายเพิ่มขึ้นอีกด้วย
6. ช่วยระบบขับถ่าย
เมล็ดแฟลกซ์นั้นมีไฟเบอร์ทั้งสองชนิดคือ ชนิดที่ละลายน้ำได้และละลายน้ำไม่ได้ ซึ่งชนิดที่ละลายน้ำไม่ได้นี่ล่ะที่ช่วยสร้างเสริมให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น โดยเฉพาะคนที่มีปัญหาเรื่องท้องผูกบ่อย ๆ และเพราะเหตุนี้นั่นเองจึงทำให้เมล็ดแฟลกซ์ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ได้ เพราะเมื่อระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างเป็นปกติ ความเสี่ยงจากมะเร็งลำไส้ก็จะลดลงค่ะ
7. บำรุงเล็บและเส้นผม
กรดไขมันโอเมก้า 3 ในเมล็ดแฟลกซ์ไม่ได้มีดีแค่ช่วยบำรุงหัวใจเท่านั้น แต่ยังช่วยบำรุงเล็บและเส้นผม ช่วยป้องกันการแห้งเสียของผม รวมทั้งช่วยบำรุงสุขภาพเล็บไม่ให้เปราะบางและหักง่าย อีกทั้งยังทำให้ทั้งเส้นผมและเล็บดูสุขภาพดีอีกด้วย
8. ป้องกันภาวะมีบุตรยาก และมะเร็งต่อมลูกหมาก
ใช่ว่าเมล็ดแฟลกซ์จะดีกับผู้หญิงเพียงอย่างเดียว ไขมันในเมล็ดแฟลกซ์ก็ดีกับคุณผู้ชายเช่นกันค่ะ เพราะสามารถช่วยลดการบวมและการอักเสบของต่อมลูกหมากได้ อีกทั้งยังช่วยสร้างเสริมให้สเปิร์มแข็งแรงและมีสุขภาพดี เพิ่มโอกาสในการมีบุตรได้ นอกจากนี้สารอาหารในเมล็ดแฟลกซ์ก็ยังช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดในอวัยวะเพศชายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วยค่ะ
9. รักษาภาวะซึมเศร้า
โรคซึมเศร้านั้นก็มีสาเหตุมาจากภาวะร่างกายที่ไม่สมดุลได้เช่นกัน โดยมีการศึกษาในประเทศญี่ปุ่นพบว่า การรับประทานเมล็ดแฟลกซ์สามารถช่วยลดภาวะซึมเศร้าได้ เนื่องจากในเมล็ดแฟลกซ์นั้นมีทั้ง DHA และ EPA ซึ่งเป็นสารที่มีความสำคัญต่อร่างกาย โดยสารชนิดนี้ก็มีอยู่มากในเนื้อปลาและวอลนัท หากรับประทานเข้าไปแล้วก็จะช่วยให้ร่างกายสามารถปรับสมดุลในร่างกายได้ และให้ผลดีเช่นเดียวกับการรับประทานยารักษาโรคซึมเศร้าเลยล่ะค่ะ
10. บำรุงตับ
การศึกษาในประเทศญี่ปุ่นซึ่งถูกเผยเแพร่ในเว็บไซต์ Nutrition Research ได้เปิดเผยว่าการรับประทานเมล็ดแฟลกซ์ซึ่งมีสารลิกแนนนั้น สามารถลดปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคตับได้ โดยปริมาณที่ได้ผลดีที่สุดก็คือการรับประทานสารสกัดลิกแนนจากเมล็ดแฟลกซ์ในปริมาณ 100 มิลลิกรัมทุกวัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องลดปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ด้วยตนเองด้วย เช่น การลดปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ หรือเลิกดื่มไปเลย เพราะถึงแม้จะรับประทานเมล็ดแฟลกซ์ แต่หากยังดื่มหนักก็ไม่ช่วยลดความเสี่ยงได้หรอกค่ะ
เมล็ดแฟลกซ์ แฟลกซ์ซีด ลดคอเลสเตอรอล
ข้อควรระวังในการใช้เมล็ดแฟลกซ์
เมล็ดแฟลกซ์ ลดน้ำหนักได้จริงหรือ ?
เมล็ดแฟลกซ์เป็นอีกหนึ่งธัญพืชที่มีไฟเบอร์สูง ซึ่งไฟเบอร์นี่ล่ะที่จะช่วยลดความอยากอาหารและช่วยให้อิ่มท้องนานขึ้น ช่วยป้องกันการรับประทานจุบจิบหรือการรับประทานมากเกินไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือต้องการลดความอ้วน แต่ทั้งนี้ก็ควรจะรับประทานควบคู่กับอาหารเพื่อสุขภาพจะดีที่สุด เพราะรับประทานเมล็ดแฟลกซ์มากไปอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงได้
เมล็ดแฟลกซ์ แฟลกซ์ซีด ลดคอเลสเตอรอล
เมล็ดแฟลกซ์ กินอย่างไร ?
แม้ว่าเมล็ดแฟลกซ์จะมีขนาดไม่ใหญ่มากนักและสามารถนำไปผสมกับอาหารหรือขนมได้ แต่การรับประทานเมล็ดแฟลกซ์ที่ถูกต้องคือ ควรนำเมล็ดไปบดก่อน เนื่องจากเมล็ดแฟลกซ์ที่ยังเป็นเมล็ดอยู่นั้น ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายเพื่อดูดซึมสารอาหารไปใช้ได้เต็มที่ค่ะ ฉะนั้นเลือกซื้อแบบที่บดสำเร็จแล้วมาใช้จะสะดวกกว่า หรือถ้าหากอยากนำมาบดเองก็สามารถทำได้ โดยวิธีการรับประทานก็ไม่ยาก หากเป็นเมล็ดแฟลกซ์ที่บดแล้วก็สามารถนำมาโรยลงบนอาหารหรือเครื่องดื่มได้ทันที
นอกจากนี้เมล็ดแฟลกซ์ยังมีการสกัดเป็นน้ำมัน หรือสกัดเป็นอาหารเสริมเพื่อไว้รับประทานได้อีกด้วย จะเลือกแบบไหนก็แล้วแต่จะสะดวกเลยล่ะค่ะ
ได้ทราบคุณประโยชน์ดี ๆ ของเจ้าธัญพืชล้ำค่าอย่างเมล็ดแฟลกซ์กันไปแล้ว ใครที่สนใจอยากหามาลองรับประทานละก็ ขอแนะนำให้ปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญหรือแพทย์ก่อนจะดีกว่า เนื่องจากเมล็ดแฟลกซ์ก็เป็นธัญพืชที่มีผลข้างเคียงในการใช้ และเพื่อให้ทราบวิธีรับประทานเมล็ดแฟลกซ์อย่างได้สุขภาพได้ประโยชน์อย่างแท้จริงค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
U.S. National Library of Medicine
mensfitness.com
whfoods.org
herbwisdom.com