กินไขมันเพื่อสลายไขมัน
Ketogenic Diet คืออะไร?
คีโตเจนิค ไดเอต คือ การลดน้ำหนักด้วยการทานอาหารหมู่คาร์โบไฮเดรต หรืออาหารประเภทแป้งและน้ำตาลให้น้อยที่สุด เน้นกินอาหารประเภทไขมันดีให้ได้ร้อยละ 75-80 ควบคู่ไปกับอาหารหมู่โปรตีน เพื่อปรับการทำงานของระบบเผาผลาญพลังงาน ถือเป็นการปรับให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะเลียนแบบการอดอาหาร เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันที่เก็บสะสมไว้มาเผาผลาญเป็นพลังงานแทนน้ำตาล สูตรไดเอตนี้ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1980 เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยโรคลมบ้าหมู แต่ในปัจจุบันนี้สูตรลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค ไดเอตนี้ก็ได้กลายเป็นที่นิยมของนักเล่นกล้ามด้วย
คีโตเจนิคไดเอต (Ketogenic Diet) คือสูตรลดน้ำหนักแบบโลว์คาร์บ เพื่อเร่งการเผาผลาญไขมันในร่างกาย แต่สูตรไดเอตนี้จะเวิร์กสำหรับเราจริงหรือไม่ มีข้อดี ข้อเสียอะไรบ้าง ต้องลองอ่านกันจ้า
การไดเอตก็เหมือนรสนิยมส่วนตัวอย่างหนึ่งของสาว ๆ ที่แต่ละคนมักจะมีทิปส์เฉพาะตัวแตกต่างกันออกไป แต่มีเป้าหมายเหมือนกันตรงที่ ไขมันส่วนเกินต้องหายไป น้ำหนักตัวต้องลดลง ดังนั้นหากสาวผู้รักหุ่นคนไหนยังไม่ค่อยพอใจกับเทคนิคการลดน้ำหนักของตัวเอง ลองดูอีกหนึ่งตัวเลือกสูตรไดเอตที่เรานำมาฝาก นั่นก็คือ คีโตเจนิคไดเอต หรือสูตรลดน้ำหนักแบบโลว์คาร์บที่น่าจะทำให้สาว ๆ ลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม
คีโตเจนิค ไดเอต (Ketogenic Diet) คืออะไร
คีโตเจนิค ไดเอต คือ การลดน้ำหนักด้วยการทานอาหารหมู่คาร์โบไฮเดรต หรืออาหารประเภทแป้งและน้ำตาลให้น้อยที่สุด เน้นกินอาหารประเภทไขมันดีให้ได้ร้อยละ 75-80 ควบคู่ไปกับอาหารหมู่โปรตีน เพื่อปรับการทำงานของระบบเผาผลาญพลังงาน ถือเป็นการปรับให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะเลียนแบบการอดอาหาร เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันที่เก็บสะสมไว้มาเผาผลาญเป็นพลังงานแทนน้ำตาล สูตรไดเอตนี้ถูกคิดค้นขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1980 เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ในการรักษาผู้ป่วยโรคลมบ้าหมู แต่ในปัจจุบันนี้สูตรลดน้ำหนักแบบคีโตเจนิค ไดเอตนี้ก็ได้กลายเป็นที่นิยมของนักเล่นกล้ามด้วย
สูตรไดเอตแบบคีโตเจนิค ดีต่อร่างกายอย่างไร
สูตรการไดเอตแบบคีโตเจนิคดีต่อร่างกายตรงที่ ร่างกายจะดึงเอาไขมันที่สะสมไว้ไปเผาผลาญเป็นพลังงานแทนการเผาผลาญแป้งและน้ำตาล เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการเผาผลาญไขมันส่วนเกิน และเมื่อร่างกายเกิดการดึงไขมันส่วนเกินไปใช้เผาผลาญแทนน้ำตาล ตับก็จะไม่หลั่งอินซูลินออกมาควบคุมระดับน้ำตาล ทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพคีโตน (Ketone) หรือสภาวะเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาล ผลคือ เราจะไม่รู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย และปวดศีรษะ อีกทั้งยังช่วยให้น้ำหนักตัวและไขมันส่วนเกินในร่างกายก็จะลดลงด้วย เราจึงรู้สึกว่าผอมลง
ลดน้ำหนักด้วยสูตรคีโตเจนิค ไดเอต เวิร์กจริงไหมนะ
สำหรับใครที่อยากลองลดน้ำหนักด้วยสูตรนี้ เราขอแนะนำว่าให้ใช้สูตรลดน้ำหนักนี้ติดต่อกันประมาณ 14 วัน แล้วทำสลับกับการกินอาหารแบบโลว์คาร์บวิธีอื่น เพราะถ้าหากใช้สูตรไดเอตนี้เพียงอย่างเดียวติดต่อกันนานเกิน 6 เดือน จะทำให้ร่างกายสูญเสียมวลกล้ามเนื้อที่ดี เพราะร่างกายจะดึงเอาโปรตีนจากเนื้อเยื่อของตัวเราเองมาใช้ และมีปริมาณกรดยูริกในกระแสเลือดสูงที่สามารถพัฒนาเป็นโรคเกาต์ นิ่วในไตได้ อีกทั้งยังขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งอาจมีผลต่อสุขภาพในยามที่เราเจ็บป่วย ร่างกายเราจะฟื้นตัวได้ช้ากว่าปกติ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่สาว ๆ จะลองนำสูตรคีโตเจนิค ไดเอต ไปใช้ลดน้ำหนักนั้น ควรจะรู้ถึงกระบวนการปรับตัวของร่างกายที่มีต่อสูตรลดน้ำหนักนี้เอาไว้บ้าง นั่นคือ เมื่อเราอดอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตได้ระยะหนึ่งแล้ว ร่างกายจะเข้าสู่ช่วงปรับตัว ผลคือ ร่างกายจะไม่มีแรง รู้สึกอ่อนเพลียง่าย และเนื่องจากร่างกายเผาผลาญกรดไขมันเป็นพลังงาน ทำให้มีสารเคมีที่เรียกว่า คีโตน (Ketone) ในร่างกายมาก จึงเกิดการถ่ายทอดออกมาผ่านรูขุมขนและลมหายใจได้ เราอาจรู้สึกตัวเองว่าลมหายใจเหม็น
3 ข้อควรรู้ ก่อนลดน้ำหนักด้วยสูตรคีโตเจนิค ไดเอต
อย่างที่เราได้บอกไปแล้วว่าคีโตเจนิค ไดเอต คือ การงดกินอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล และเน้นกินอาหารหมู่โปรตีนและไขมัน ซึ่งอาหารหมู่ไขมันนี่แหละที่อาจทำให้สุขภาพของเราแย่ลงได้ เพราะไขมันบางชนิดก็เป็นตัวการเพิ่มระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ดังนั้น ก่อนตัดสินใจเริ่มต้นลดน้ำหนักด้วยสูตรนี้อย่างจริงจัง เราก็ควรเข้าใจกับหลักการ 3 ข้อง่าย ๆ ของสูตรคีโตเจนิค ไดเอตกันก่อนดีกว่า
- ลดปริมาณอาหารหมู่คาร์โบไฮเดรต โดยการคุมปริมาณการกินคาร์โบไฮเดรตให้เหลือวันละ 25-50 กรัมต่อวัน
- เน้นกินโปรตีน โปรตีนจะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคสเพื่อให้ร่างกายนำไปเผาผลาญเป็นพลังงาน
- เน้นกินไขมันชนิดดี สารอาหารประเภทไขมันจะทำให้ร่างกายเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานมากขึ้น โดยการกินไขมันให้ได้เฉลี่ยวันละร้อยละ 70-80 จากอาหารที่มีกรดไขมันสายปานกลาง (MCT oil)
อาหารคาร์โบไฮเดรตต่ำทุกชนิดไม่จำเป็นต้องเป็นอาหารคีโตเจนิค
ปัจจัยสำคัญที่สุดในการกำหนดว่าเป็น คีโตเจนิค ไดเอต คือ ปริมาณคาร์โบไฮเดรตในอาหารว่าต่ำขนาดไหน การลดปริมาณคาร์โบไฮเดรตอาจให้ประโยชน์มากกับหลายคน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าอาหารนั้นเป็นอาหาร
อาหารที่เหมาะสำหรับการลดน้ำหนักสูตรคีโตเจนิค ไดเอต
หากหลักการลดน้ำหนักของสูตรคีโตเจนิค ไดเอต ทำให้ใครยังนึกไม่ออกว่า การลดน้ำหนักด้วยสูตรนี้ควรเน้นกินอาหารแบบไหน เราก็มีตัวอย่างอาหารมาแนะนำ ดังนี้
- อาหารหมู่ไขมัน
อาหารประเภทไขมันที่ดีต่อการลดน้ำหนักด้วยสูตรนี้ได้แก่ อาหารที่มีกรดไขมันโอเมก้าทรี และกรดไขมันโอเมก้า 6 และกรดไขมันอิ่มตัวที่มีสายปานกลาง เช่น เนย ไข่แดง ไวลด์แซลมอน ปลาทูน่า ปลาเทราต์ หอย รวมถึงธัญพืชที่มีกรดไขมันอิ่มตัวและไม่อิ่มตัวด้วย ได้แก่ ถั่วแมคคาเดเมีย อะโวคาโด น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดลินิน และน้ำมันดอกคำฝอย ซึ่งน้ำมันทุกชนิดควรเลือกกินแบบสกัดเย็น เป็นต้น แต่ควรหลีกเลี่ยงไขมันทรานส์ เช่น มาการีน
- อาหารหมู่โปรตีน
อาหารหมู่โปรตีนที่แนะนำคือ ไข่ไก่ ชีส ครีม วิปปิ้งครีม เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน และ ปลาที่กินได้ทั้งตัว เช่น ปลาดุก ปลาค็อด ปลาตาเดียว ปลาแมกเคอเรล ปลามาฮิ-มาฮิ ปลาแซลมอน ปลากระพงแดง ปลาเทราต์ ปลาทูน่า เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อลูกวัว เนื้อหมูสันนอก เนื้อหมูติดซี่โครง หรือ พอร์คชอป นอกจากนี้ยังรวมถึงอาหารประเภทถั่ว เช่น แมคคาเดเมีย วอลนัท อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พิตาชิโอส เป็นต้น หลีกเลี่ยงถั่วลิสง เพราะจัดอยู่ในถั่วที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง
- น้ำเปล่า
การไดเอตแบบคีโตเจนิคก็ยังคงต้องรักษาระดับความชุ่มชื้นในร่างกายด้วย โดยการดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และยังสามารถดื่มเมนูอื่น ๆ ได้ เช่น ชาสมุนไพร กาแฟสูตรหวานน้อย เป็นต้น
7 ตัวการแฝงคาร์โบไฮเดรตที่ต้องระวัง
แม้ว่าอาหารประเภทคาร์โบโฮเดรตส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของขนมปัง ข้าว แป้ง และน้ำตาล แต่ก็ยังมีอาหารอีกหลายชนิดที่จัดอยู่ในอาหารหมู่คาร์โบไฮเดรตเช่นกัน และสำหรับสาว ๆ ที่อยากนำสูตรลดน้ำหนักนี้ไปใช้ให้เห็นผลเร็ว เราก็ขอแนะนำให้ระวัง 7 สิ่งต่อไปนี้ด้วยเพราะมีส่วนประกอบหลักเป็นแป้งและน้ำตาลนั่นเอง
- สารให้ความหวาน
สารให้ความหวานเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอาหารกลุ่มน้ำตาลจะยิ่งทำให้เกิดอาการอยากอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มน้ำตาลสังเคราะห์ เช่น สตีเวีย ซูคราโรส อีรีทรีทอล (Erythritol) ไซลิทอล หล่อฮั้งก๊วย (Monk Fruit) และ สารอะเกฟ เนคทาร์(Agave Nectar) เป็นต้น ซึ่งสารให้ความหวานเหล่านี้อาจอยู่ผสมอยู่ในเครื่องดื่มชื่นใจประเภทต่าง ๆ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ผลไม้อบแห้ง ขนมหวาน ผลิตภัณฑ์เบเกอรี และเมนูเครื่องดื่มอัดลม
- เครื่องปรุงรส และเครื่องเทศ
เครื่องปรุงรสและเครื่องเทศส่วนใหญ่มีส่วนประกอบน้ำตาลในรูปของเดกซ์โทส รวมถึงส่วนประกอบของแป้งด้วย ซึ่งจัดอยู่ในประเภทของคาร์โบไฮเดรต ดังนั้นหากจะเพิ่มลงในเมนูก็ควรระวังเรื่องปริมาณด้วย ได้แก่ เกลือสมุทร พริกไทยดำ ใบกะเพรา พริกป่น พริกชี้ฟ้า ผักชี ชินนามอน ขมิ้น ออริกาโน เพรสลี่ โรสแมรี เสจ ไธม์ ยี่หร่า ผงหัวหอม ผงกระเทียม ออลไสปซ์ (Allspice) ใบเบย์ (Bay Leaves) ขิง ลูกกระวาน น้ำจิ้มไก่ ซอสมะเขือเทศ และซอสพริก เป็นต้น
- ผลไม้ตระกูลเบอร์รี
ผลไม้ตระกูลเบอร์รีส่วนใหญ่จัดอยู่ในประเภทผลไม้มีน้ำตาลธรรมชาติสูง เช่น พวกพืชตระกูลเบอร์รี ราสป์เบอร์รี บลูเบอร์รี และแครนเบอร์รี ดังนั้นสำหรับคนที่คุมอาหารด้วยสูตรคีโตเจนิค ไดเอต ควรลดปริมาณการกินผลไม้ทุกชนิด
- ผลิตภัณฑ์นม
ประเภทของนมที่ควรหลีกเลี่ยงคือ นมสด (whole milk), นมขาดมันเนย (skim milk), นมไขมันต่ำ, นมโคแท้ 100%, นมพาสเจอร์ไรส์ น้ำเต้าหู้ เนื่องจากนมทั้งหลายนี้มีคาร์โบไฮเดรตสูง
- ปริมาณคาเฟอีนในชาและกาแฟ
สำหรับคนที่ติดเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ โค้ก แต่อยากลดน้ำหนักด้วยวิธีคีโตเจนิค ไดเอต เราขอแนะนำให้เลือกดื่มที่เป็นสูตร Caffeine free หรือ Non Caffeine เนื่องจากสารคาเฟอีนกระตุ้นการไหลเวียนโลหิต ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น
- ผักสดที่มีรสชาติหวาน
ควรหลีกเลี่ยงการปรุงอาหารด้วยผักที่มีรสหวานบางชนิด เช่น ข้าวโพดอ่อน มะเขือเทศ แครอท ฟักทอง หรืออื่น ๆ ที่มีน้ำตาล
- ยาปฏิชีวนะ
ยาปฏิชีวนะบางชนิดมีไซรัปทั้งชนิดผงและน้ำเป็นส่วนประกอบในตัวยาด้วย เช่น ยาแก้ไอ ยาแก้อักเสบ และยาฆ่าเชื้อโรค เป็นต้น
cr. Kapook.com