ผศ.ดร.เอกราช บำรุงพืชน์ ประธานฝ่ายวิชาการชมรมโภชนวิทยามหิดล ได้กล่าวเอวไว้ว่า ศัตรูของสุขภาพและผิวพรรณที่คนเรากลัว มาจากอนุมูลอิสระ ที่ร่างกายผลิตขึ้นเองในแต่ละวัน รวมไปถึงมลพิษต่างๆ ที่มาจากสิ่งแวดล้อม ตัวอย่างเช่น ฝุ่นละอองที่มีอยู่ในอากาศ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ ควันบุหรี่ แสงแดด ความเครียด ความกดดัน โดยทั่วไปแล้ว ร่างกายของเราจะสามารถขจัดตัวอนุมูลอิสระที่ว่า ได้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ดังนั้นเราจึงต้องอาศัยตัวช่วย จากอาหารการกินต่างๆ ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระเป็นส่วนประกอบ ที่ได้มาจากธรรมชาติ เช่น วิตามิน C วิตามินE เบต้า-แคโรทีน และซีลีเนียม เพื่อช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกายจากการถูกอนุมูลอิสระทำลาย ซึ่งเป็นสาเหตุของความเสื่อมโทรมก่อนวัย และริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ผิวพรรณเหี่ยวย่น เป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งโรค มะเร็งบางชนิด เป็นต้น ซึ่งผลไม้ชนิดที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง จัดอยู่ในอันดับต้นๆได้แก่ พรุน บลูเบอร์รี่ และคามูคามู
ปัจจุบัน ผลไม้คามูคามู เริ่มได้รับความนิยม และมีคนพูดถึงมากขึ้น เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นสุดยอดผลไม้ ที่มีผลการวิจัยทางการแพทย์ยืนยันแล้วว่า มีวิตามินซีสูงที่สุดในบรรดาผลไม้ทั้งหมด และมีแหล่งกำเนิดในแถบอเมริกาใต้ ลักษณะของผลเมื่อสุกแล้ว จะมีสีม่วงแดงเข้ม รสชาติเปรี้ยว นักวิจัยและนักพัฒนาผลิตภัณฑ์จากทั่วโลก เริ่มหันมาให้ความสนใจกับผลไม้คามูคามูนี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะพบว่า คามูคามู อุดมไม่ด้วยคุณค่า ให้กรดอะมิโน วิตามิน และเกลือแร่ที่จำเป็นต่อร่างกายคนเรา เช่น ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม เหล็ก และแคลเซียม อีกทั้งยังมีสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ โพลีฟีนอล สาร จำพวก ลูทีน ซีแซนทีน และเบต้า-แคโรทีนสูง
คามู คามู (Camu-camu) และมีชื่อในทางวิทยาศาสตร์ว่า Myrciaria dubia เป็นพืชในวงศ์ตระกูล Myrtaceae มีลักษณะเป็นไม้ต้นขนาดเล็ก มีลักษณะการกระจายตัวอยู่ในอาณาบริเว ณที่น้ำท่วมถึงในประเทศบราซิล ไปจนถึงประเทศเปรู มีความสูงของต้นประมาณ 2 – 3 เมตร ดอกของต้น คามู คามู มีขนาดเล็กและเป็นสีขาว ผลของต้นคามูคามูมีเส้นผ่านศูนย์กลางโดยประมาณ 1 นิ้ว และสีของมันจะเปลี่ยนไป จากสีเขียวเป็นสีแดงอมม่วงเมื่อผลแก่ มีรสชาติเปรี้ยว ปัจจุบันนี้นิยมนำผล คามู คามู มาคั้นเป็นน้ำผลไม้ ผสมในเครื่องดื่ม แอลกอฮอล์ และไอศครีม บางคนก็นำมาแต่งกลิ่นเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับผลิตภัณฑ์ ชาวเปรูนิยมดื่มน้ำคั้นจากผล หรือน้ำคั้นจากคามูคามู ที่ผสมกับน้ำเปล่าเพื่อแก้โรคหวัด และใช้บรรเทาอาการของผู้ป่วยในโรคระบบทางเดินอาหาร ส่วนเปลือกของต้นนั้น สามารถมาทำยาเคลือบ และใช้บรรเทาแผลเป็น และยังใช้บำบัดรักษาโรคไขข้ออักเสบ ด้วยการนำเปลือกของต้นมาต้มกับส่วนของผลและเหล้ารัม