มะรุมถือว่าเป็นสมุนไพรไทยสารพัดประโยชน์
มีสรรพคุณทางยามากมาย น้ำมันมะรุมยังเหมาะกับผู้หญิงที่ต้องการให้หน้าดูอ่อนกว่าวัย ผิวอ่อนนุ่ม ไม่หยาบกร้าน สามารถฆ่าเชื้อราและแบคที่เรียบางชนิดได้ จึงเหมาะกับผู้ที่มีอาการเป็นเชื้อราที่หนังศรีษะ มีอาการคันศีรษะ และลดอาการผมร่วง นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อ หรือผู้ที่เป็นโรคเก๊าได้
ข้อมูลทั่วไป
มะรุม เป็นผัก สมุนไพรพื้นบ้านของเรา มีประโยชน์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหาร, ยา และด้านอุตสาหกรรม โดยธรรมชาติแล้วมะรุมเป็นไม้ยืนต้นที่เติบโตได้เร็ว ทนความแห้งแล้ง สามารถปลูกได้ในเขตร้อน เนื่องจากการเจริญเติบโตจะดีในแถบเอเชียซึ่งมีอาการร้อน การเติบโตอาจสูงได้ถึง 4 m. และสามารถออกดอกในระยะเวลาปีแรกหลังจากที่ปลูก
มะรุมในภาษาอังกฤษจะเรียกว่า Moringa และมะรุม ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Moringa oleifera Lam มะรุมจะมีการเรียกต่างกันตามแต่ภูมิภาค เช่น ชาวอีสานเรียกกันอยู่สองอย่างคือ “ผักอีฮุม” และ “บักฮุ้ม” ชาวเหนือเรียกกันว่า “บะค้อนก้อม”
ถิ่นกำเนิด
มะรุมมีถิ่นกำเนิดในทวีปเอเชียบางประเทศ เช่น ศรีลังกา และอินเดีย นอกจากนี้ยังมีในทวีปแอฟริกา สามารถปลูกได้ง่าย เจริญเติบโตดี ได้ในดินทุกๆประเภท มีความต้องการน้ำ ความชื้นปานกลาง เราสามารถขยายพันธุ์มะรุมด้วยวิธีเพาะการเมล็ด และวิธีการปักชำ เวลาประมาณ 2 สัปดาห์หลังการปลูก ต้นมะรุมจะมีความสูงประมาณ 10-20 cm.
รูปแบบใบ ผล ดอก และเมล็ดของมะรุม
ลักษณะต่างๆของมะรุม ที่เว็บไซต์ SiamHerbs สรุปได้มีดังนี้
- ใบมะรุมนั้นจะเป็นใบประกอบเหมือนขนนก ลักษณะใบจะแตกใบย่อยเป็น 3 ชั้น มีความยาว 20 - 40 cm. เรียงกันแบบสลับ ใบย่อยมีความยาวประมาณ 1 - 3 cm. ลักษณะเป็นรูปไข่ ปลายและฐานของใบ มีลักษณะมน ผิวใบบริเวณด้านล่าง จะมีสีอ่อนกว่าด้านบน ขณะที่ใบยังอ่อน จะมีขนเล็กน้อย รสชาติใบจะมีรสหวานและมัน
- ผลมีลักษณะเป็นฝักยาว มีเปลือกเป็นสีเขียว และมีส่วนคอด ส่วนมนเป็นช่วงๆ ตามความยาวฝัก ฝักปกติจะยาวประมาณ 20 - 50 ซม. ฝักจะมีรสชาติหวาน
- ดอกจะออกในช่วงฤดูหนาว บางพันธุ์จะมีลักษณะเด่นคือ สามารถออกดอกได้หลายๆครั้งต่อรอบปี ดอกมีลักษณะเป็นช่อขาว มีกลีบเรียงกันทั้งหมด 5 กลีบแยกกัน รสชาติดอกมีความขม มันเล็กน้อย และความหวาน
- เมล็ดเป็นรูปเรขาคณิต 3 เหลี่ยม มีปีกซึ่งมีความบางหุ้มอยู่ 3 ปีก เส้นผ่านศูนย์กลางเมล็ด มีความยาวประมาณ 1 cm.
มะรุม สรรพคุณทางยาจากตำรา
เนื่องจากสรรพคุณที่มีมากมายและหลากหลายของมะรุม ดังนั้นจึงได้จัดหมวดหมู่สรรพคุณให้ดูง่ายขึ้นดังนี้
- การฆ่าเชื้อ
- สารสกัดเอทานอลจากมะรุม สามารถฆ่าเชื้อราบางชนิดได้ เช่น
- Trichophyton rubrum
- Trichophyton mentagrophytes
- Epidermophyton floccosum
- Microsporum canis
- สามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้
- สามารถฆ่าเชื้อจุลลินทรีย์ได้
- การรักษาโรคและบรรเทาอาการ
- โรคขาดสารอาหารในเด็กที่มีอายุระหว่าง แรกเกิดถึง 10 ขวบ
- ช่วยลดระดับน้ำตาลได้ จึงช่วยบรรเทาอาการผู้เป็นโรคเบาหวาน
- เนื่องจากระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ทำให้ความเข้มข้นของเลือดลดลง จึงมีส่วนช่วยให้ความดันเลือดลดลงเช่นกัน ดังนั้นจึงช่วยรักษาโรคความดันได้
- ช่วยรักษาโรคหวัด แก้ไอ และบรรเทาอาการไอเรื้อรัง
- ช่วยรักษาโรคระบบทางเดินหายใจ เช่น
- โรคภูมิแพ้
- โรคหอบหืด
- โรคโพรงจมูกอักเสบ
- ใช้บรรเทาโรคตาได้ทุกโรค
- น้ำมันมะรุมสามารถฆ่าเชื้อราบนหนังศีรษะ ลดอาการคันหนังศีรษะ และลดอาการผมร่วงได้
- ช่วยบรรเทาโรคไขข้อ ปวดตามข้อ และกระดูกอักเสบ
- การบำรุง
- บำรุงผิวบรรณให้อ่อนนุ่ม ผิวไม่กร้าน เนื่องจากมะรุมมีสารต้านอนุมูลอิสระ
ผลการวิจัยมะรุมโดยมหาวิทยาลัยมหิดล
ผลการวิจัยนี้มาจาก คณาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดลในการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ ซึ่งส่วนใหญ่จะทดลองระดับเซลล์และสัตว์ พบว่า มะรุม(Moringa)นั้นมีฤทธิ์ ที่น่าสนใจซึ่งออกฤทธิ์ในทางบวกกับร่างกายของสิ่งมีชีวิต เช่น ลดความดันเลือด ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร ลดคอเลสเตอรอล ต้านการอักเสบ ป้องกันตับอักเสบ ลดระดับน้ำตาล ต้านออกซิเดชัน ต้านเชื้อแบคทีเรีย ต้านการเกิดเนื้องอก และต้านมะเร็ง
ฤทธิ์ของมะรุมจากผลการวิจัยในสัตว์ทดลอง
สรรพคุณมะรุมที่ได้จากการทดลองกับหนู 9 อย่าง มีดังนี้
- ลดความดันเลือด - จากการทดลองสามารถลดความดันเลือดของหนูแรทและสุนัข
- ต้านการเกิดเนื้องอกและมะเร็ง - สารสกัดจากมะรุมสามารถลดจำนวนหนูที่เป็นมะเร็งผิวหนังได้
- ลดระดับคอเลสเตอรอล - สามารถลดระดับคอเลสเตอร์รรอลในหลอดเลือดได้ หลังจากป้อนอาหารที่มีไขมันสูงแก่หนูทดลอง
- ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร - หลังจากให้ยาแอสไพรินแก่หนูทดลองเพื่อกระตุ้นให้เกิดแผลภายในกระเพาะอาหาร พบว่าสารสกัดจากมะรุมสามารถต้านและป้องกันการเกิดแผลกระเพาะอาหารได้
- ป้องกันการอักเสบของตับ - หลังจากให้ยาพาราเซตามอล และยาไรแฟมพิซินแก่หนูทดลองเพื่อกระตุ้นการอักเสบของตับ พบว่าหลังจากป้อนสารสะกัดจากใบ และดอก สามารถยับยั้งการเกิดแผลในกระเพาะอาหารได้
- ต้านออกซิเดชัน - สารสกัดจากใบ ดอก และราก สามารถต้านอนุมูลอิสระและสามารถกำจัดอนุมูลอิสระได้
- ต้านเชื้อแบคทีเรีย - จากการทดลอง สารสกัดจากใบ ดอก เมล็ด เปลือกต้น และเปลือกราก สามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรียได้หลายชนิด
- ลดระดับน้ำตาล - สารสกัดจากใบและเปลือกลำต้นสามารถลดระดับน้ำตาลในหนูที่เป็นโรคเบาหวานได้
- ต้านการอักเสบ - ผลการวิจัยพบว่า การอักเสบภายในทางเดินหายใจของหนูตะเภาลดลง เพื่อได้รับสารสกัดจากมะรุม